ธุรกิจ Car Care ยังดีอยู่มั้ยในยุคนี้ ? | Torpenguin

ดูคลิปจบแล้วมีความคิดเห็นยังไงกันบ้าง Comment มาบอกกันได้นะครับ 😉😉

เราจะจ้างคนอื่นล้างรถมีสาเหตุอยู่ไม่กี่อย่าง 1.ขี้เกียจ 1.ไม่มีเวลา 2.ไม่มีพื้นที่ล้าง หาคนเหล่านี้เจอก็รอดแล้วครับ

พ่อผมก็เปิดร้านคาร์แคร์ ผมก็นั่งเคาะตัวเลขแล้วก็ยังขาดทุนอยู่ดี แต่พ่อผมมีถ่ายน้ำมันเครื่องมันก็เลยไปได้ในระดับหนึ่งแต่ไม่กำไรเท่าไร ดีที่มีนาทำเลยอยู่ได้ พอดูคลิปนี้คือประโยชน์มาก ผมก็หาความรู้แนวนี้ก็หาไม่ ค่อยจะเจอเจอคลิปนี้ ประโยชน์สุดๆ

แขกรับเชิญอธิบายเข้าใจง่ายมากค่ะ จริงใจ ดูไม่กั๊ก เหมือนตั้งใจมาสอนจริงๆ ขอบคุณมากๆค่ะ

เห็นการแบ่ง Segment ของลูกค้าแล้วเข้าใจทันที มันว้าวมาก สามารถนำความรู้นี้ไปต่อยอดในธุรกิจอื่นๆได้เลย ขอบคุณความรู้ครับคุณต่อ ทั้งสองต่อ เลยยย

ร้านผมอาจจะโชคดีที่เปิดในย่าน คอนโด อพาร์ทเม้นเยอะ ไม่ค่อยมีหมู่บ้าน (ส่วนตัวคิดว่าสำคัญมาก) ตอนเปิดก็เปิดไปแบบไม่คิดอะไรมากเลย แต่ตอนนี้วันนึงเฉลี่ย50-100คัน หักค่าใช้จ่าย 150k-250k ครับ ไม่เน้นขัดสี ไม่เน้นเคลือบแก้ว ไม่มีทำมาร์เกตติ้ง เน้นล้างดูด-เคลือบสีล้วนๆ คนรอดมีเยอะครับ แต่คนที่ออกไปก็เยอะพอๆกันครับวงการนี้

เปิดโลกทัศน์มากๆเลยครับ ผมกำลังทำระบบ car rental ผมเริ่มจากเขียนโปรแกรม ตอนนี้มองเห็นช่องทางสร้างธุรกิจแล้วครับ ขอบคุณมากๆครับ

EPนี้ต่อใจครับ เอานักธุรกิจมาพูดคุยในดีมาก ขอบคุณที่แบ่งปันกันครับ❤❤❤❤❤ ทำแบบนี้ต่อไปครับ

พี่แกล้งไม่รู้ หรือไม่รู้จริงๆครับ ถ้าวิเคราะห์ประเภทบริการต่างๆของธุรกิจนี้ พี่น่าจะวาง value ladder ของธุรกิจได้คร่าวๆ เพราะพี่เป็นถึง consult ด้านธุรกิจ แต่คลิปนี้เป็นประโยชน์จริงๆครับ เจ้าของคาร์แคร์เข้าใจ business model ดีมากๆ ศัพท์ทางเทคนิคมาเต็ม น่าจะเพราะประสบการณ์ตอนเป็น consult และลงเรียนเสริมความรู้มาเยอะ ขอบคุณที่มาแบ่งปันความรู้ ขอให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรืองครับ

ช่องนี้เนือหาดีนะ แต่ดูแล้วหดหู่ เหมือนชีวิตนี้เกิดมาไม่มีทุนคงหาเช้ากินค่ำไปวันๆ น่าอนาจใจจริงๆ

ผมก็ทำคาร์แคร์นะ ทำไมผมรู้สึกว่ามันมีจุดขัดแย้งนิดหน่อย - พนักงานเป็น Fix Cost ครับ มีหรือไม่มีลูกค้าก็ต้องจ่าย นับเป็น Variable Cost ไม่ได้ เว้นแต่ว่าคุณจะมีระบบบวกค่าคอมมิชชั่นเข้าไป - งานใน 1 วันก็คือ 100% จะแบ่งเป็นสัดส่วนอะไรยังไงมันก็คือ 100% ไม่เปลี่ยนแปลง การใช้พนักงาน 1 คนต่อรถ 4 คันเป็นตัวเลขที่ใช้ได้แหล่ะ แต่เมื่อไหร่ที่มีคนขาดงาน 1-2 คน นั่นแปลว่าคนที่เหลือจะงานหนักขึ้นทันที เรามีข้อจำกัดเรื่องเวลาเข้ามาเกี่ยวด้วย ยังไม่รวมงานไหนที่ต้องตัดกำลังคนไปทำส่วนของ Option อีก ส่วนงานล้างสีดูดฝุ่นก็จะยิ่งงานหนักขึ้นไปอีกเพราะแรงงานส่วนนี้น้อยลง ถ้าบริหารจัดการเรื่องนี้ไม่บาลานซ์รับรองวุ่นแน่ - คาร์แคร์มันมีช่วงหน้าฝน ที่พฤติกรรมคนจะล้างรถน้อยลง 40-50% รายรับที่น้อยลงเป็นตัวเลขที่เราต้องเอามาเฉลี่ยทั้งปีด้วย ถ้าบอกว่าหน้าฝนยอดไม่ตกเลยก็ดีใจด้วยแหล่ะ - ปกติแล้วงาน 3-5 อันดับแรกจะเป็นรายได้ 80% ของร้านอยู่แล้ว ถ้าโฟกัสดีๆจะคุมต้นทุนได้เยอะมากๆเลย การมีรายการเยอะแปลว่าเรามีต้นทุนที่ต้องเตรียมเพิ่มขึ้นทั้งคนทั้งของ อันนี้ก็แล้วแต่ความต้องการของแต่ละ segment จริงๆมันมีรายละเอียดอีกเยอะจริงๆนั่นแหล่ะ เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆที่ทำคาร์แคร์เหมือนกันนะครับ ^^

แพงไปครับ แถวบ้าน (ปิ่นเกล้า, บางกรวย, รัชโยธิน) ล้าง 160 - 200 บ. คุณภาพดีมากๆ และมีเคลือบเงาให้ด้วยฟรี

ได้มุมมองการทำธุรกิจนำไปใช้ได้ทุกอย่างเลยครับ ถ้าจะประสบความสำเร็จความรู้สำคัญมากมันจะทำให้เราปรับตัวง่าย วางแผนได้ นำความรู้มาประยุกต์ ทำให้มองเห็นทางไปต่อได้ สุดท้ายจะกลายเป็น "ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆ" ยังไงก็เจ๊งยากครับ ขอบคุณพี่ต่อทั้งสองที่มาแชร์ความรู้เลยครับ ชอบพลังงานพี่ต่อ wash a matter มากครับมันทำให้รู้สึกมีไฟลุก

ร้านแว่นสายตา ก็คล้ายนะครับ ดูเผินๆ ยังไงก็เจ๊ง

ล้าง200 อยากได้คุณภาพ1,000 รถราคาเป็นล้าน ล้าง300 บอกแพง สู้ไม่ไหวครับ ปิดร้านทำอย่างอื่นดีกว่า ใครยังไม่ลงทุนถือเงินไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า

เป็นคลิปความรู้ที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ แขกรับเชิญมีความรู้ และความเชี่ยวชาญ ในการบริหาร และวิสัยทัศน์ ที่ดีมากๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับคลิปดี ๆ นะคะ

ถ้าคนรักรถจริงๆตอนนี้หันมาล้างด้วยตัวเองจากร้านหยอดเหรียญที่ครบวงจรมาก เราล้างเองเลือกอุปกรณ์เอง เลือกผลิตภัณฑ์ล้างเองเอาให้สะอาดแค่ไหนก็ได้ และที่สำคัญเลยคือรถไม่เป็นรอยจากการล้างของคาร์แคร์ครับ

คุณต่อ เจ้าของธุรกิจ เข้าใจหัวใจของธุรกิจจริงๆ มันตือ แบรนด์ และกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ จุดเด่นของธุรกิจ ไม่แปลกใจทำไมสำเร็จ

อยากทราบว่าในเดือนที่ฝนตก ผู้ใช้บริการปรับ ลด หรือมีวิธีแก้ไขยังไงให้ตัวเลขที่คำนวณไว้มันยังอยู่ค่าเฉลี่ยนที่คิดครับ

ธุรกิจแบบนี้ต้องไม่เช่าที่ มีลูกค้าประจำที่มีรายได้สูง คนทำงานต้องมีคุณภาพ รับความเสี่ยงได้